อังคุตตรนิกาย
11.10. โมรนิวาปนสูตร
สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคประทับอยู่ ณ ปริพาชการาม อันเป็นที่ให้เหยื่อแก่ นกยูง ใกล้พระนครราชคฤห์ ณ ที่นั้นแล พระผู้มีพระภาคได้ตรัสเรียกภิกษุทั้งหลายว่า ดูกร ภิกษุทั้งหลาย ภิกษุเหล่านั้นทูลรับพระผู้มีพระภาคแล้ว พระผู้มีพระภาคได้ตรัสว่า
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุประกอบด้วยธรรม ๓ประการ ย่อมเป็นผู้มีความสำเร็จล่วงส่วน มีความเกษมจากโยคะล่วงส่วน มีพรหมจรรย์ล่วงส่วน มีที่สุดล่วงส่วน เป็นผู้ประเสริฐสุด กว่าเทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย ธรรม ๓ ประการเป็นไฉน คือ ศีลขันธ์อันเป็นของ พระอเสขะ ๑สมาธิขันธ์อันเป็นของพระอเสขะ ๑ ปัญญาขันธ์อันเป็นของพระอเสขะ ๑ ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุผู้ประกอบด้วยธรรม ๓ ประการนี้แล ย่อมเป็นผู้มีความสำเร็จล่วงส่วน มีความเกษมจากโยคะล่วงส่วน มีพรหมจรรย์ล่วงส่วน มีที่สุดล่วงส่วนเป็นผู้ประเสริฐสุดกว่า เทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย ฯ
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุผู้ประกอบด้วยธรรม ๓ ประการแม้อื่นอีก ย่อมเป็นผู้มีความ สำเร็จล่วงส่วน มีความเกษมจากโยคะล่วงส่วน มีพรหมจรรย์ล่วงส่วน เป็นผู้ประเสริฐสุดกว่า เทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย ธรรม ๓ ประการเป็นไฉน คือ อิทธิปฏิหาริย์ ๑ อาเทสนา ปาฏิหาริย์ ๑ อนุสาสนีปาฏิหาริย์ ๑ ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุผู้ประกอบด้วยธรรม ๓ ประการ นี้แล ย่อมเป็นผู้มีความสำเร็จล่วงส่วน มีความเกษมจากโยคะล่วงส่วน มีพรหมจรรย์ล่วงส่วน มีที่สุดล่วงส่วน เป็นผู้ประเสริฐสุดกว่าเทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย ฯ
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุผู้ประกอบด้วยธรรม ๓ ประการแม้อื่นอีก ย่อมเป็นผู้มีความ สำเร็จล่วงส่วน มีความเกษมจากโยคะล่วงส่วน มีพรหมจรรย์ล่วงส่วน เป็นผู้ประเสริฐสุดกว่า เทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย ธรรม ๓ ประการเป็นไฉน คือ สัมมาทิฐิ ๑ สัมมาญาณะ ๑ สัมมาวิมุติ ๑ ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุผู้ประกอบด้วยธรรม ๓ ประการนี้แล ย่อมเป็นผู้มีความ สำเร็จล่วงส่วน มีความเกษมจากโยคะล่วงส่วน มีพรหมจรรย์ล่วงส่วน มีที่สุดล่วงส่วน เป็น ผู้ประเสริฐสุดกว่าเทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย ฯ
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุผู้ประกอบด้วยธรรม ๒ ประการ ย่อมเป็นผู้มีความสำเร็จล่วงส่วน มีความเกษมจากโยคะล่วงส่วน มีพรหมจรรย์ล่วงส่วน มีที่สุดล่วงส่วน เป็นผู้ประเสริฐสุดกว่า เทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย ธรรม ๒ ประการเป็นไฉน คือ วิชชา ๑ จรณะ ๑ ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุผู้ประกอบด้วยธรรม๒ ประการนี้แล ย่อมเป็นผู้มีความสำเร็จล่วงส่วน มีความเกษมจาก โยคะล่วงส่วน มีพรหมจรรย์ล่วงส่วน มีที่สุดล่วงส่วน เป็นผู้ประเสริฐสุดกว่าเทวดาและ มนุษย์ทั้งหลาย ดูกรภิกษุทั้งหลาย แม้สนังกุมารพรหมก็ได้กล่าวคาถานี้ไว้ว่า
ในหมู่ชนที่ยังรังเกียจกันด้วยโคตร กษัตริย์เป็นผู้ประเสริฐ
สุด ท่านผู้สมบูรณ์ด้วยวิชชาและจรณะ เป็นผู้ประเสริฐสุดกว่า
เทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย ฯ
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็คาถานี้นั้น สนังกุมารพรหมร้อยกรองไว้ถูกแล้วมิใช่ร้อยกรอง ไว้ผิด กล่าวไว้ชอบแล้ว มิใช่กล่าวไม่ชอบ ประกอบด้วยประโยชน์มิใช่ไม่ประกอบด้วย ประโยชน์ เราเห็นด้วย ดูกรภิกษุทั้งหลาย แม้เราก็กล่าวอย่างนี้ว่า
ในหมู่ชนที่ยังรังเกียจกันด้วยโคตร กษัตริย์เป็นผู้ประเสริฐสุด
ท่านผู้สมบูรณ์ด้วยวิชชาและจรณะ เป็นผู้ประเสริฐสุดกว่าเทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย ฯ
จบสูตรที่ ๑๐
จบนิสสายวรรคที่ ๑
รวมพระสูตรที่มีในวรรคนี้ คือ
๑. กิมัตถิยสูตร ๒. เจตนาสูตร
๓. อุปนิสาสูตรที่ ๑ ๔. อุปนิสาสูตรที่ ๒
๕. อุปนิสาสูตรที่ ๓ ๖. พยสนสูตร
๗. สัญญาสูตร ๘. มนสิการสูตร
๙. อเสขสูตร ๑๐. โมรนิวาปนสูตร ฯ