สังยุตตนิกาย
สคาถวรรค
สักกสังยุต
ทุติยวรรคที่ ๒
ทุติยสักกนมัสนสูตรที่ ๙
ดูกรภิกษุทั้งหลาย เรื่องเคยมีมาแล้ว ท้าวสักกะจอมเทพได้ตรัสกะมาตลีสังคาหกเทพบุตรว่า ดูกรสหายมาตลี ท่านจงเตรียมจัดรถม้าอาชาไนยซึ่งเทียมด้วยม้าพันตัว เราจะไปยังพื้นที่อุทยานเพื่อชมภูมิภาคอันงดงาม ดูกรภิกษุทั้งหลาย มาตลีสังคาหกเทพบุตรทูลรับพระดำรัสท้าวสักกะจอมเทพว่า ขอเดชะ ขอความเจริญจงมีแด่พระองค์ ดังนี้แล้ว จัดเตรียมรถม้าอาชาไนยซึ่งเทียมด้วยม้าพันตัวเสร็จแล้ว กราบทูลแก่ท้าวสักกะจอมเทพว่า ข้าแต่พระองค์ผู้นิรทุกข์ รถม้าอาชาไนยซึ่งเทียมด้วยม้าพันตัวสำหรับพระองค์จัดเตรียมไว้เสร็จแล้ว ขอพระองค์ทรงทราบกาลอันควรในบัดนี้เถิด ดูกรภิกษุทั้งหลาย ได้ทราบว่า ครั้งนั้นแลท้าวสักกะจอมเทพขณะเสด็จลงจากเวชยันตปราสาท ทรงประนมอัญชลีนมัสการพระผู้มีพระภาคอยู่ ฯ
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ครั้งนั้นแล มาตลีสังคาหกเทพบุตรได้ทูลถามท้าวสักกะจอมเทพด้วยคาถาว่า ข้าแต่ท้าววาสวะ เทวดาและมนุษย์ทั้งหลายย่อมนอบน้อมพระองค์นั่นเทียว ข้าแต่ท้าวสักกะ เมื่อเช่นนั้นพระองค์ทรงนอบน้อมท่านผู้ควรบูชาคนใด ท่านผู้ควรบูชาคนนั้น คือใครเล่า ฯ
ท้าวสักกะตรัสตอบว่า ดูกรมาตลี พระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์ใดในโลกพร้อมทั้งเทวโลก เรานอบน้อมพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น ผู้เป็นศาสดามีพระนามไม่ทราม ดูกรมาตลี ท่านเหล่าใดสำรอกราคะ โทสะและอวิชชาแล้ว เป็นพระอรหันตขีณาสพ เรานอบน้อมท่านเหล่านั้น ดูกรมาตลี ท่านเหล่าใดกำจัดราคะและโทสะก้าวล่วงอวิชชา ยังเป็นพระเสขะ ยินดีในธรรมเครื่องปราศจากการสั่งสม เป็นผู้ไม่ประมาทตามศึกษาอยู่ เรานอบน้อมท่านเหล่านั้น ฯ
มา. ข้าแต่ท้าวสักกะ ได้ยินว่าพระองค์ทรงนอบน้อมบุคคลเหล่าใด บุคคลเหล่านั้นเป็นผู้ประเสริฐที่สุดในโลกเทียว ข้าแต่ท้าววาสวะ พระองค์ทรงนอบน้อมบุคคลเหล่าใด แม้ข้าพระองค์ก็ขอนอบน้อมบุคคลเหล่านั้น ฯ
ท้าวมฆวาสุชัมบดีเทวราชผู้เป็นประมุขของเทวดาทั้งหลาย ครั้นตรัสดังนี้แล้ว ทรงน้อมนมัสการพระผู้มีพระภาค แล้วเสด็จขึ้นรถ ฯ